ตามรอย “ม.มหิดล ศาลายา” ดินแดนขนหัวลุก
ม.มหิดล ศาลาย ดินแดนขนหัวลุก กลับมาพบกันอีกเช่นเคย สำหรับวันนี้เราก็มีเรื่องเล่าขนหัวลุกมาให้ทุกคนได้ติดตามกันเหมือนกัน และถ้าหากถามว่า “มหาวิทยาลัยไหนผีดุสุด ?” พี่ลาเต้ เชื่อว่าหลาย ๆ คงมีคำตอบอยู่ในใจว่า “มหาวิทยาลัยมหิดล” แน่นอน โดยเฉพาะวิทยาเขตศาลายา ว่าแต่ก่อนจะไปอ่านเรื่องลี้ลับของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เรามาทำความรู้จักดินแดน “ศาลายา” กันก่อนดีกว่า ว่าดินแดนแห่งนี้มีที่มาอย่างไร อดีตคืออะไร และทำไมถึงผีดุ
หลายคนคงจะยังไม่เคยได้อ่านมาก่อน โดยเรื่องราวดังกล่างเราต้องย้อนกลับไปตอนสมัยก่อน ที่ผู้เขียนนั้นได้เคยได้ฟังตำนานจากคนเก่าคนแก่ของ มหาวิทยาลัยมหิดล ว่าพื้นที่ในเขต “ศาลายา” คือชื่อตำบลหนึ่งที่ตั้งอยู่ใน จ.นครปฐม ในอดีตศาลายานี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งซ่องสุมโจรและเลื่องลือกันว่า “ผีดุ” มักปรากฏตัวให้ใครต่อใครเห็นอยู่เป็นประจำ ชื่อ “ศาลายา” มีเล่าต่อกันมาหลายทาง สมัยก่อนศาลายาจะเป็นชื่อที่คู่มากับ “ศาลา ทำศพ” ซึ่งมีผู้สันนิษฐานว่า แต่ก่อนสถานที่ 2 แห่งนี้ น่าจะเคยมีเหตุการณ์ที่ทำให้คนเจ็บไข้ล้มตายกันมาก จึงมีการตั้งศาลาขึ้นจ่ายยาแก่คนเจ็บเหล่านั้น และเมื่อล้มตายก็จัดการเผาศพจึงมีชื่อทั้ง “ศาลายา” และ “ศาลาทำศพ” ต่อมาเห็นว่าชื่อ “ศาลาทำศพ” ไม่เป็นมงคลจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “ศาลาธรรมสรพณ์” และยังใช้ในปัจจุบัน
สำหรับในอดีต ก็ยังคงมีอีกมุมหนึ่ง ที่คนรุ่นใหม่อาจจะยังไม่เคยรู้ เพราะเป็นเรื่องที่เล่ากันมาของคนเก่าแก่ ก็เล่าว่า “ศาลายา” เป็นที่เปลี่ยว ห่างไกลความเจริญมาก ยังไม่มีถนนหนทางตัดผ่าน ทำให้ชาวบ้านในละแวกนั้นเวลาป่วยไข้ไม่มีใครกล้าออกไปหาหมอ จึงมีผู้เมตตาสร้างศาลาให้หลังหนึ่ง
และนำเอาสมุนไพรที่รักษาโรคได้มาแขวนไว้เป็นทาน ให้คนเอาไปใช้รักษา ใครต้องการยาอะไรก็จะไปเลือกหาเอาที่ศาลานั้น จึงเรียกที่แห่งนั้นว่า “ศาลายา” เรื่อยมา ความเป็นมาของที่ดินบริเวณศาลายาแต่เดิมเป็นของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ เจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 และเป็นมรดกตกทอดมาถึงสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ต่อมาเจ้านายบางพระองค์ขายตกทอดไปเป็นของชาวบ้านบ้าง บางส่วนถูกเวนคืนไปเป็นพุทธมณฑลบ้าง และบางส่วนก็เป็นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
รวมถึงที่ดินที่เป็นพื้นที่ของมหาวิทยาลัยมหิดล ในปัจจุบันก็เป็นที่ดินพระราชมรดกจากรัชกาลที่ 4 ตกทอดมายังรัชกาลที่ 9 มาในรัชกาลที่ 9
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้มหาวิทยาลัยมหิดลซื้อที่ดินส่วนพระองค์ ในราคาถูกเป็นพิเศษจำนวน 1,250 ไร่ เพื่อสร้างเป็นมหาวิทยาลัย ทำให้ชาวบ้านที่เคยอาศัยทำกินอยู่ที่พื้นที่นั้นค่อย ๆ อพยพออกไปจนหมดแต่สิ่งที่เหลืออยู่มากมายบนที่ดินนั้นก็คือศาลพระภูมิ และศาลเจ้าที่ ซึ่งถูกทิ้งให้หักพังโดยส่วนใหญ่ไม่มีใครเหลียวแลจะมีก็บางครอบครัว ที่นาน ๆ จะกลับมาไหว้ศาลเก่าของตน เพราะยังผูกพันกับเจ้าที่เดิม
ที่มา sanook
รวมเรื่องเล่าผีจากทั่วทุกมุมโลกไว้ที่นี้แล้ว ghost-time